ยกเลิกภาษีน้ำมัน | ลดภาษีน้ำมันหรืออุดหนุนราคา แบบไหนคือคำตอบที่ดีกว่าสำหรับประเทศไทย?

เมื่อน้ำมันกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคน ราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงจึงส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพโดยตรง ตั้งแต่ค่าเดินทางไปทำงานไปจนถึงราคาสินค้าในตลาด คำถามสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเสมอคือ ระหว่างการลดภาษีน้ำมันกับการอุดหนุนราคาน้ำมันโดยรัฐ ทางเลือกใดกันแน่ที่ตอบโจทย์ชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน

การลดภาษีน้ำมันเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เพราะจะส่งผลให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มลดลงทันที และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนทุกระดับได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ ขนส่งสินค้า หรือผู้ที่ต้องเดินทางไกลทุกวัน หากราคาน้ำมันลดลงอย่างน้อย 10% จากการปรับลดภาษี จะทำให้ราคาน้ำมันถูกลงประมาณ 4-5 บาทต่อลิตรทันที ซึ่งข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า การขนส่งสินค้าคิดเป็นต้นทุนถึง 30-40% ของราคาสินค้าทั้งหมด การลดราคาน้ำมันจึงช่วยลดต้นทุนสินค้าและช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนได้โดยตรง

ในทางตรงกันข้าม การอุดหนุนราคาน้ำมัน แม้จะช่วยรักษาระดับราคาน้ำมันให้ถูกลงในระยะสั้น แต่กลับสร้างภาระทางการคลังอย่างหนักหน่วงในระยะยาว เนื่องจากรัฐบาลต้องนำเงินภาษีประชาชนมาใช้ในการชดเชยราคาน้ำมันให้คงที่ ในบางประเทศ เช่น อินโดนีเซีย เคยมีการใช้นโยบายอุดหนุนราคาน้ำมันอย่างหนัก จนท้ายที่สุดเกิดภาระหนี้สินมหาศาลและจำเป็นต้องยกเลิกในที่สุด การอุดหนุนราคาน้ำมันยังส่งผลให้เกิดการใช้พลังงานอย่างไม่ประหยัด เพราะประชาชนไม่ได้เผชิญกับราคาน้ำมันตามกลไกตลาดที่แท้จริง

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การลดภาษีน้ำมันคือทางเลือกที่โปร่งใส และตอบโจทย์ทั้งประชาชนและเศรษฐกิจในระยะยาว โดยไม่ก่อให้เกิดภาระหนี้สินของรัฐที่ต้องแบกรับในอนาคต นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและภาคธุรกิจปรับตัวสู่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามกลไกตลาด

ตัวอย่างที่ดีจากประเทศเยอรมนีในปี 2022 ที่ได้ลดภาษีน้ำมันดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติพลังงาน พบว่าประชาชนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยได้ถึง 20-30 ยูโรต่อเดือน หรือประมาณ 800-1,200 บาท ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งของธุรกิจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ

พรรคเส้นด้ายเชื่อมั่นว่าการลดภาษีน้ำมันเป็นมาตรการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทยในเวลานี้ เพราะเป็นการคืนเงินเข้าสู่กระเป๋าประชาชนทันที ช่วยลดค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจ และที่สำคัญที่สุดคือสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนโดยไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะให้กับคนรุ่นหลัง

ถึงเวลาที่เราต้องเลือกระบบที่โปร่งใสและยั่งยืน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างแข็งแรงและเป็นธรรมสำหรับทุกคน

#ลดภาษีน้ำมัน #ลดค่าครองชีพ #พรรคเส้นด้าย #เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนไทย

อ้างอิง:

• ธนาคารแห่งประเทศไทย (2565)

• World Bank: Oil and Gas Taxation Policies (2021)

• German Federal Ministry of Finance (2022)